
เวลาคุณเปิดเว็บแทงบอลออนไลน์ขึ้นมา แล้วเจอราคาต่อรองของบอลแต่ละคู่ที่มีตัวเลขขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอด คุณอาจจะสงสัยว่า มันเกิดจากอะไร? ทำไมราคาถึงไม่คงที่? แล้วจะดูยังไงให้รู้ว่าฝั่งไหนน่าจะมีโอกาสเป็นผู้ชนะ
คำตอบก็คือ คุณกำลังเจอกับสิ่งที่เรียกว่าราคาบอลไหล นั่นเอง และถ้าคุณอยากแทงบอลออนไลน์ได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม เทคนิคการดูราคาไหลจะเป็นอีกหนึ่งทักษะที่คุณควรเรียนรู้ เพราะมันบอกอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานของราคาบอลไหล ไปจนถึงวิธีดูราคาแบบมืออาชีพ พร้อมตัวอย่างประกอบที่เอาไปใช้ตามในการแทงบอลออนไลน์ของคุณได้เลย สมัครสมาชิก
ราคาบอลไหลคืออะไร?
ราคาบอลไหล (Odds Movement) คือการเปลี่ยนแปลงของราคาต่อรองและค่าน้ำที่เกิดขึ้นก่อนบอลเริ่มเตะ (และบางครั้งก็ระหว่างเกมด้วยถ้าเป็นการแทงบอลสด) โดยปกติ ราคาจะไม่อยู่นิ่งตลอดเวลา เพราะมีปัจจัยที่ทำให้เจ้ามือปรับราคาอยู่เรื่อยๆ เช่น
–ข่าวนักเตะบาดเจ็บ หรือมีชื่อหลุดจากตัวจริง
–ทีมต้องการแต้มเพื่อเข้ารอบ/หนีตกชั้น
–คนแห่แทงฝั่งใดฝั่งหนึ่งเยอะเกินไป
–ฟอร์มช่วงหลัง หรือสถิติการเจอกัน
เจ้ามือจะใช้การไหลของราคา เพื่อบาลานซ์ความเสี่ยงของตัวเอง และบางครั้งก็เป็นการส่งสัญญาณ ให้ผู้เล่นตีความแนวโน้มของเกมล่วงหน้าได้ด้วย
รู้จัก 3 ประเภทของราคาบอลไหล
1. บอลไหลขึ้น
หมายถึง ราคาต่อรองขยับสูงขึ้น
ตัวอย่าง จาก แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อ 0.5 ขยับเป็น 0.75
แปลว่า: ทีมต่อเริ่มได้รับความมั่นใจจากตลาดมากขึ้น มีแนวโน้มว่าอาจจะชนะขาด หรือเล่นดีกว่าที่คาด
2. บอลไหลลง
คือ ราคาต่อรองลดต่ำลง
ตัวอย่าง จาก ลิเวอร์พูล ต่อ 1.0 เหลือ 0.5
แปลว่า: อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับทีมต่อ เช่น ตัวหลักเจ็บ หรือทีมรองดูมีภาษีมากขึ้น
3. บอลไหลหลอก
เจ้ามือบางรายอาจปรับราคาให้ดูเหมือนจะไปทางหนึ่ง เพื่อหลอกให้ผู้เล่นรีบเทเงินตาม แล้วปรับกลับมาทีหลัง สังเกตง่ายๆ ดังนี้
–ราคาขยับขึ้นลงหลายครั้งภายในเวลาใกล้ๆ กัน
–ไหลแบบไม่มีสาเหตุชัดเจน
–ราคาขึ้นไปเยอะแล้วดึงกลับทันที
ถ้าเจอแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบแทง ควรพิจารณาข้อมูลรอบด้านให้ดี
เทคนิคดูราคาบอลไหลให้แม่นยำ
1. ดูจังหวะเวลาให้ดี
ราคาจะเริ่มไหลชัดๆ ช่วง 3–6 ชั่วโมงก่อนเตะ และแรงที่สุดใน 1 ชั่วโมงสุดท้าย ดังนั้น
–ถ้าราคาไหลขึ้นตอนใกล้เตะ ถือว่าน่าสนใจ
–ถ้าไหลแล้วไหลอีกแบบมั่วๆ ควรระวังให้ดี อาจเป็นราคาหลอก
2. คอยเช็กค่าน้ำไปด้วย
ราคาต่อเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ยังไม่พอ ต้องดูค่าน้ำควบคู่ไปด้วย เช่น
–ถ้าราคาต่อขึ้น + ค่าน้ำฝั่งต่อลด น่าเล่นฝั่งต่อ
–ถ้าราคาต่อขึ้น + ค่าน้ำฝั่งต่อลดแรงผิดปกติ อาจมีข้อมูลวงในที่เจ้ามือรู้
3. เทียบราคาหลายเว็บ
อย่าเชื่อแค่เว็บเดียว ลองเปิดเทียบ 2–3 เว็บ ถ้าทุกเจ้าปรับราคาไปในทางเดียวกัน คือมีแนวโน้มว่าเป็นราคาไหลจริง แต่ถ้าเว็บนึงไหล อีกเว็บไม่ขยับเลย คือราคามันยังไม่นิ่ง อย่าเพิ่งวางเดิมพันจะดีกว่า
4. ดูข่าวทีมและตัวผู้เล่นควบคู่
ราคาบอลไหลเป็นผลสะท้อนจากสถานการณ์จริงของแต่ละทีมทีม เช่น
–นักเตะตัวหลักบาดเจ็บ
–ทีมต้องพักตัวเพื่อเตะบอลถ้วย
+ข่าววงใน หรือแม้แต่ข่าวลือ
สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อราคาได้ทั้งหมด
5. อย่าดูแค่ราคา ให้ดูสถิติประกอบด้วย
บางครั้งราคาดูเอียงไปฝั่งนึง แต่พอเปิดสถิติย้อนหลังก็เห็นเลยว่าทีมรองชนะอยู่ตลอด ดังนั้นควรดูหลายสิ่งประกอบ เช่น
–ดูสถิติการเจอกัน
–ผลงาน 5 นัดหลังสุด
–สถิติยิง–เสียประตู
ตัวอย่างการดูราคาไหล
คู่: เชลซี vs เบรนท์ฟอร์ด
เปิดราคามา: เชลซี ต่อ 1.0 ค่าน้ำ 0.95
ก่อนเตะ 3 ชั่วโมง: ขยับเป็น 1.25 ค่าน้ำ 0.85
เช็กข่าว: เบรนท์ฟอร์ดพักตัวหลัก 3 คน
วิเคราะห์:
ราคาต่อเพิ่ม ค่าน้ำลด แถมทีมเยือนจัดชุดสำรอง แบบนี้น่าเล่นฝั่งต่อ เพราะเจ้ามือเองก็เทใจไปฝั่งเชลซีแบบชัดเจนเช่นกัน
ข้อควรระวัง
–ถ้าเจอราคาไหลเร็วเกินเหตุ โดยไม่มีข่าวหรือสถิติเข้าข้าง ระวังการไหลหลอก
–อย่าแทงเพราะราคาไหลอย่างเดียว ต้องดูภาพรวมประกอบด้วยเสมอ
–ควรหลีกเลี่ยงการแทงบอลออนไลน์ในช่วงราคายังไม่นิ่งหรือไหลแรงแบบผิดปกติ
การดูราคาบอลไหลไม่ได้การันตีว่าคุณจะชนะการแทงบอลออนไลน์ได้แบบ 100% แต่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรองรับมากกว่าเดิม โดยเฉพาะถ้าใช้ควบคู่กับการเช็กข่าว วิเคราะห์ทีม และดูสถิติย้อนหลัง ยิ่งคุณอ่านราคาไหลเก่งขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่จะเล่นตามเกมเจ้ามือได้ ก็มีมากขึ้นเท่านั้น และมันจะช่วยให้การแทงบอลออนไลน์ของคุณ มีโอกาสทำเงินได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน โปรโมชั่น